วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คนไม่มีหัวใจ เปิดตัวมนุษย์ไม่มีหัวใจคนที่สองของโลก

คนไม่มีหัวใจ เปิดตัวมนุษย์ไม่มีหัวใจคนที่สองของโลก




มนุษย์ไม่มีหัวใจ


เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า โรงพยาบาลในสาธารณรัฐเช็ก เปิดตัวผู้ป่วยรายที่สองของโลกที่มีชีวิตอยู่โดยไม่มีหัวใจ แต่ใช้ปั๊มกลสูบฉีดเลือดแทน

ผู้ป่วยรายนี้ คือนายจาคุบ ฮาลิก พนักงาน ดับเพลิงชาวเช็ก วัย 37 ปี เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ลุกลามอย่างหนัก และลุุกลามไปที่หัวใจของเขา จนกระทั่งแพทย์ไม่มีทางเลือก ต้องทำการผ่าตัดหัวใจที่เต็มไปด้วยเซลล์มะเร็งของเขาออกไปทั้งดวง ก่อนที่เซลล์มะเร็งจะคร่าชีวิตเขา จากนั้นก็ได้ทำการใส่ปั๊มกลเข้าไปแทนที่ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งผลออกมาก็น่าพอใจ นับว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขาสามารถมีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ และกลายเป็นผู้ป่วยรายที่สองของโลกที่มีชีวิตอยู่ด้วยปั๊มกล

ฮาลิกเล่าถึงประสบการณ์การมีชีวิตอยู่ด้วยหัวใจเทียมว่า "ผม ไม่รู้สึกแปลกอะไรเลยนะ เพราะการทำงานของร่างกายทุกอย่างยังเป็นปกติ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม ก็คือ หัวใจเทียมของผมไม่มีการเต้นเป็นจังหวะเหมือนหัวใจดวงเดิมเท่านั้น แต่เอาเถอะ ผมรู้สึกว่าตัวเองสุขภาพดีนะตอนนี้"

อย่างไรก็ดี ฮาลิกจะมีชีวิตอยู่โดยใช้ปั๊มกลแบบนี้ไปอีกแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อไรที่มีผู้บริจาคหัวใจคนใดเสียชีวิตลง แพทย์ก็จะนำหัวใจมาผ่าตัดให้กับฮาลิกอีกครั้ง

ทั้งนี้ นอกจากฮาลิกจะเป็นผู้ป่วยที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยปั๊มกลคนที่ 2 ของโลก เขา ก็ยังเป็นผู้ป่วยไม่มีหัวใจที่มีชีวิตอยู่ได้นานและสุขภาพดีด้วย เมื่อเทียบกับ เครก ลูอิส ชายอเมริกันวัย 55 ปี ผู้ป่วยที่ใช้ปั๊มกลในการสูบฉีดเลือดคนแรก ที่มีชีวิตอยู่ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ก่อนจะเสียชีวิตลงเพราะโรคลุกลามไปถึงตับและไต

UFO ทะเลบอลติก ยูเอฟโอ จมอยู่ใต้ทะเลบอลติก?

UFO ทะเลบอลติก ยูเอฟโอ จมอยู่ใต้ทะเลบอลติก?

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่บริษัทสำรวจท้องทะเลจากประเทศสวีเดน สามารถตรวจจับค้นพบวัตถุประหลาดอยู่ใต้ท้องทะเลบอลติก บริเวณน่านน้ำของประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ แถบสแกนดิเนเวีย จนเกิดเป็นข้อถกเถียงว่าสิ่งดังกล่าวคืออะไร
ตามรายงานระบุว่า บริษัท โอเชียน เอ็กซ์พลอเรอร์ ของประเทศสวีเดนได้ค้นพบวัตถุประหลาดใต้ท้องทะเลบอลติก หลังจากใช้เครื่องโซนาร์สแกนท้องทะเล จนกระทั่งบนวัตถุแปลกประหลาดที่มีรูปทรงอย่างชัดเจน บ้างก็ว่าเป็นความผิดพลาดของเครื่องโซนาร์ บ้างก็ว่าเป็นยูเอฟโอ หรือ จานบินของมนุษย์ต่างดาว จนเป็นเหตุให้นักประดาน้ำเตรียมลงไปพิสูจน์ให้แน่ชัดว่า มันคืออะไร?
ภาพสแกนจากเครื่องโซนาร์ที่ส่งกลับมาที่จอมอนิเตอร์ แสดงให้เห็นวัตถุประหลาด รูปร่างคล้ายโลหะ มีความกว้างประมาณ 60 ฟุต มีรอยไถลยาวประมาณ 300 เมตร ถูกค้นพบว่าจมอยู่ใต้ทะเลบอลติกในความลึก 300 ฟุต
ปีเตอร์ ลินด์เบิร์ก หนึ่งในทีมประดาน้ำเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือเกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ ตอนนี้่เราส่งทีมสำรวจลงไปตรวจสอบ พร้อมกับกล้องหุ่นยนต์ และเครื่องตรวจวัดระดับสารพิษและรังสีด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเครื่องโซนาร์เคยส่งผลรายงานที่ผิดพลาดในบางครั้ง ทำให้เห็นรูปร่างวัตถุประหลาด ซึ่งเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดกลับไม่มีอะไร
ขณะที่เหล่าผู้คนที่สนใจต่างเชื่อว่า นี่อาจจะเป็นการค้นพบจานบินของมนุษย์ต่างดาวที่ตกลงสู่ทะเลบอลติก เพราะรูปร่างลักษณะที่ได้ค้นพบ ดูคล้ายกับ ยานมิลเลนเนียม ฟอลคอน จากภาพยนต์เรื่อง สตาร์วอร์ส เป็นอย่างมาก
สำหรับ ทะเลบอลติก แถบสแกนดิเนเวีย ปัจจุบันเป็นแหล่งขุมสมบัติ สำหรับพวกนักล่าซากเรืออับปาง จึงเกิดบริษัทที่สร้างยานดำน้ำ เพื่อรับเหมาพานักท่องเที่ยวและนักล่าซากเรือล่มลงไปดูที่ก้นทะเลบอลติก เพื่อไปชมวัตถุเหล่านี้ใต้ท้องทะเล
ข่าวโดย

นางผมหอม ชาวบ้านฮือฮา พบคุณยายเป็น “นางผมหอม“

นางผมหอม ชาวบ้านฮือฮา พบคุณยายเป็น “นางผมหอม“

นางผมหอม
(22 ส.ค.) จ.สุรินทร์ ชาวบ้านฮือฮาพบแม่เฒ่าผมยาวพันกันเป็นสังกะตัง ความยาวของเส้นผมกว่า 1 เมตร ทราบชื่อต่อมาคือ คุณยายทองใส สมทอง อายุ 73 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่บ้านภูมิขนุน ต.ดม อ.สังขละ
จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่าุคุณยายทองใส จะเรียกเส้นผมของตัวเองเป็นภาษาเขมรว่า เซาะจักสวาฮอม หรือแปลเป็นไทยคือ นางผมหอม ลักษณะเส้นผมของคุณยายจะพันกันเป็นเกลียวไม่สามารถแกะออกจากกันได้ ซึ่งชาวบ้านจะเรียกผมลักษณะนี้ว่า ผมสังกะตัง และคุณยายมีความเชื่อว่า ผมลักษณะัดังกล่าวเป็นผมศักดิ์สิทธิ์ห้ามตัด ต้องดูแลให้ดี เจ้าตัวต้องถือศีล และเชื่อว่าถ้าตัดผมออกจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเป็นบ้า ต้องปล่อยให้เส้นผมขาดและร่วงไปเองตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ คุณยายทองใส บอกว่าเส้นผมของตนเองมีลักษณะพันกันเป็นสังกะตังตอนอายุ 40 ปี ตอนนั้นตนฝันว่าเดินไปที่เนินดินแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้และดอกบัวดอกใหญ่ ตนได้เดินลงไปนั่งจากนั้นในฝันได้มีเกสรดอกบัวตกลงมาใส่หัว หลังความฝันผ่านไปไม่นานเส้นผมของตนเองเริ่มจับกันเป็นก้อนแกะ 3 วัน 3 คืนไม่ออก ด้วยความแปลกใจตนจึงทำพิธีเข้าทรงดู จึงทราบว่า ตนถูกกำหนดให้เป็นนางผมหอม ต้องนั่งสมาธิ ห้ามผู้ชายจับเส้นผม ส่วนผู้หญิงจับได้ต้องได้รับอนุญาต ถือศีล และที่สำคัญคือห้ามตัดผมจนกระทั่งถึงปัจจุบันกว่า 20 ปีแล้ว ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันตนจะสระผม 3 วันครั้ง ถ้าจะออกไปนอกบ้านจะใช้ม้วนปลายผมและใช้กิ๊ฟติดเอาไว้
ข่าวโดย

ฮือฮา! ควายประหลาด ตกลูกผิวหนังเป็นเกล็ด แห่ขอเลขเด็ดเพียบ

ฮือฮา! ควายประหลาด ตกลูกผิวหนังเป็นเกล็ด แห่ขอเลขเด็ดเพียบ 

ชาวนครพนมฮือฮา แห่ขอเลขเด็ด ควายตกลูกประหลาด มีผิวหนังเป็นเกล็ด เจ้าของเชื่อลูกควายตัวนี้นำโชคลาภมาให้ครอบครัว
      เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านวังโพธิ์ หมู่ 5 ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม แตกตื่นหลังทราบข่าว พบแม่ควายพันธุ์ไทยตกลูกออกมามีลักษณะแปลกผิดธรรมชาติ โดยมีมีผิวหนังคล้ายเกล็ดปลา จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 5 บ้านวังโพธิ์ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ทราบชื่อ เจ้าของบ้าน คือ นายบุญโชค ราชสินธ์ อายุ 65 ปี ซึ่งภายในบริเวณบ้านพบ ชาวบ้านกำลังพากันแห่มาดู ลูกควายประหลาดผิวหนังผิดธรรมชาติ บางคนเชื่อเป็นโชคลาภ พากันเอาดอกไม้ธูปเทียนมาคาราวะรับโชค และนำแป้งมาโรย ขอหวยตามความเชื่อชาวอีสาน

นายบุญโชค ราชสินธ์ อายุ 65 ปี เจ้าของควายแปลก เล่าว่า ได้เลี้ยงแม่ควายพันธุ์ไทยตัวนี้ มาได้ประมาณ 3 ปี แล้ว ตั้งชื่อว่า หมูตอน ซึ่งเป็นควายพันธุ์ไทย สีดำ และได้ตกลูกออกมาครั้งแรก เป็นเพศเมีย แต่มีลักษณะผิดธรรมชาติจากควายทั่วไปคือ มีผิวหนังเป็นลักษณะคล้ายเกล็ดปลาขนาดใหญ่สีดำ มีสุขภาพแข็งแรง สูงประมาณ 70 เซนติเมตร ความยาวลำตัวประมาณ 90 เซนติเมตร เป็นลูกควายแปลกที่เกิดมาให้โชคลาภตามความเชื่อของชาวบ้าน ได้นำขันห้า ดอกไม้ธูปเทียนมารับขวัญ รับโชค เพราะถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว บางคนก็นำแป้งไปทาหาเลขไปเสี่ยงโชค ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล โดยได้ตั้งชื่อว่า เจ้าสินสมุทร และจะไม่ขาย จะเลี้ยงไปจนตาย

ด้าน นางสมร มีสิมมา อายุ 64 ปี ชาวบ้านวังโพธิ์ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม กล่าวว่า ควายที่มีลักษณะแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย ถือว่าแปลก เพราะสภาพผิวหนังมีลักษณะเป็นเกล็ด เป็นลายมีร่องลึก เชื่อว่าเป็นควายแปลกที่มาให้โชคลาภ ชาวบ้านที่พบเห็นต่างพากัน นำดอกไม้มาบูชา และนำแป้งมาทาเสี่ยงหาโชคลาภตามความเชื่อ ส่วนใครจะได้โชคลาภ ก็แล้วแต่วาสนาของแต่ละบุคคล


ที่มา : มติชนอนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นักฟิสิกส์ชี้ไม่เกิน100ปีพบมนุษย์ต่างดาวแน่

นักฟิสิกส์ชี้ไม่เกิน100ปีพบมนุษย์ต่างดาวแน่




นักฟิสิกส์อังกฤษเชื่ออีกไม่เกิน 10ปี โลกค้นพบมนุษย์ต่างดาวแน่ ชี้ ควรเตรียมตัวให้พร้อมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

สำนัก ข่าว เดลีเมล์ ของอังกฤษ รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ โจเซรีน เบล เบิร์นเนล นักฟิสิกส์หญิง จาก มหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด ของอังกฤษ ซึ่งได้กล่าวในเวที การประชุมวิทยาศาสตร์ยุโรป( ยูโรไซแอนท์ โอเพ่นฟอรัม คอนเฟอเรนซ์) ที่ กรุงดับลิน ประเทศ ไอร์แลนด์ โดยระบุว่า  มนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริง และ อีกไม่เกิน 100 ปีนี้ คาดว่ามนุษย์จะต้องค้นพบสิ่งมีชีวิตในต่างดาว อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นไปได้ว่า สิ่งมีชีวิตที่จะค้นพบนั้นอาจจะมีความฉลาดมาก ดังนั้น มนุษย์โลกควรที่จะเตรียมตัวเตรียมใจรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว

"ทุก วันนี้ เราเตรียมตัวดีแค่ไหนแล้ว เราเคยคิดมาก่อนไหมว่าเราจะค้นพบมัน เราควรจะนำมันไปไว้ในสวนสัตว์ และ กินมันไหม หรือ เราจะถ่ายทอดประชาธิปไตยให้กับมันดี"  โจเซรีน เบล เบิร์นเนล กล่าว ในที่ประชุม  พร้อมเสริมว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว จะนำไปบอกใครให้รู้ก่อนดี ระหว่าง สื่อมวลชน รัฐบาล หรือ ผู้นำทางศาสนา

โจ เซรีน เบล เบิร์นเนล ได้กล่าวอีกว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก ที่มนุษย์จะค้นพบสิ่งมีชีวิตในต่างดาว ที่ดาวเคราะห์ ซึ่งมีทั้ง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ และ โอโซน ในชั้นบรรยากาศ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ของ จักรวาล

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ รายนี้ก็ระบุว่า ถึงแม้มนุษย์จะค้นพบร่องรอย หรือ สัญญาณการ มีชีวิตอยู่ของ มนุษย์ต่างดาวจริง แต่การที่จะสื่อสารไปยังมนุษย์ต่างดาวได้ อาจจะต้องกิน ระยะเวลาอีกหลายสิบปี ในการส่งสัยญาณผ่านคลื่นวิทยุ หรือ เลเซอร์ จากพื้นโลก ขึ้นไปยังต่างดาว  

"ไม่ มีอะไรที่เดินทางไวไปกว่าความเร็วแสงแล้ว ฉะนั้นการที่ เราจะสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้อาจต้องใช้เวลาถึง 50 -100 ปี"โจเซรีน เบล เบิร์นเนลกล่าว

ทั้งนี้เคย มีผลวิจัยของ รอยัล โซไซตี ออกมาชี้ก่อนหน้านี้ว่า ชาวอังกฤษ กว่าครึ่ง หรือ 44% เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง  ซึ่งการสำรวจดังกล่าวเกิดจากการสอบถามชาวอังกฤษกว่า 2,000 คน โดยกลุ่มตัวอย่าง 3 ใน 10 เห็นว่า มนุษย์ควรที่จะค้นหาการดำรงอยู่ของมนุาย์ต่างดาวต่อไป และ พยายามสื่อสารให้ได้

ไม่ เพียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้เคยมีการถกเถียงในหมู่นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ อีกด้วยว่า มนุษย์ควรที่จะส่งสัญญาณ หรือ บ่งบอก ถึงการมีชีวิตบนโลก ไปยังต่างดาว เพื่อให้สิ่งมีชีวิตนอกโลกรับรู้หรือไม่ เนื่องจาก มีนักวิทยาศาสตร์ บางคนเกรงว่า การกระทำดังกล่าวอาจ เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ และ เสี่ยงที่ถูกรุกราน จนนำไปสู่จุดจบของสิ่งมีชีวิตทั่วโลก

"ใน เมื่อ มนุษย์ต่างดาวมีเทคโนโลยีที่สามารถเดินทางผ่าน อวกาศอันกว้างใหญ่มาหาเราได้ ฉะนั้น เทคโนโลยีการป้องกันตัวใดๆที่มนุษย์มีอยู่ ก็คงไม่มีทางที่จะสู้กับมันได้แน่นอน" นักวิทยาศาสตร์ ผู้กังวลต่อมนุษย์ต่างดาวรายหนึ่ง กล่าว

ขณะที่ สตีเฟน ฮอว์กิง ยอดนักวิทยาสาสตร์จอมอัจฉริยะ เตือนว่า มนุษย์ต่างดาว อาจจะเข้ามาปล้นและสูบเอาทรัพยากรของโลกไป

คนสหรัฐฯแตกตื่น!!ภาพขนย้าย UFO โผล่อินเตอร์เน็ต

คนสหรัฐฯแตกตื่น!!ภาพขนย้าย UFO โผล่อินเตอร์เน็ต




มายฟ็อกซ์ - ประชาชนในวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ พากันเล่าลือกันปากต่อปาก หลังภาพน่าชวนสงสัยถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ โดยหลายคนเชื่อว่าอาจเป็นยาน "UFO" ถูกขนย้ายไปตามทางหลวงสายแคปปิตอล เบลท์เวย์ 
       
       เหตุ น่าสงสัยนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันพุธ(14) ตามเวลาท้องถิ่น โดยผู้ขับขี่หลายรายพบเห็นยานพาหนะรูปร่างแปลกประหลาดถูกขึงอยู่บนรถบรรทุก แบบพื้นต่ำ บนถนน I-270 จากนั้นก็เลี้ยวเข้าสู่ถนน I-495
  อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา ตำรวจมลรัฐแมรีแลนด์ ยืนยันว่ายานพาหนะรูปร่างประหลาดนี้ แท้จริงแล้วคือยานบินไร้คนขับ(โดรน) ของบริษัทนอร์ทธรอป กรัมแมน และกำลังถูกเคลื่อนย้านจากเวสต์ เวอร์จิเนีย ไปยังสถานีทางอากาศกองทัพเรือ Patuxent ในแมรีแลนด์
      
       ไม่ใช่ครั้งแรกที่การขนย้ายยาน บินถูกเข้าใจผิดว่าเป็นยูเอฟโอ โดยเมื่อปีที่แล้ว ชาวบ้านในคาวเลย์ เคาน์ตี ในแคนซัส ก็ล่ำลือกันไปต่างๆนานาเกี่ยวกับพาหนะของมนุษย์ต่างดาว หลังพบเห็นการขนย้ายยานบินที่มีรูปร่างแปลกประหลาด


http://www.manager.co.th

ขวัญกระเจิง!! หนูน้อย 2 ขวบบราซิลลุกจากโลงขอน้ำดื่มกลางงานศพ

ขวัญกระเจิง!! หนูน้อย 2 ขวบบราซิลลุกจากโลงขอน้ำดื่มกลางงานศพ  




เอ เจนซี - ชาวบ้านในบราซิลถึงกับแตกตื่น หลังเด็กชายวัย 2 ขวบฟื้นจากความตาย ลุกขึ้นขอน้ำดื่มระหว่างงานศพ พ่อแม่รุดนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ไม่นานหนูน้อยรายนี้ก็ถึงจุดจบจริงๆ ขณะที่ทางครอบครัวยื่นฟ้องโรงพยาบาลฐานบกพร่องต่อหน้าที่
       
       เด็ก ชายเคลวิน ซานโตส เข้ารับรักษาโรคปอดอักเสบ ณ โรงพยาบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่งของบราซิล ต่อมาหนูน้อยรายนี้หยุดหายใจและคณะแพทย์ประกาศว่าเด็กชายเคลวินเสียชีวิต แล้ว ก่อนอนุญาตให้ทางครอบครัวนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน
       
       รายงาน ข่าวระบุว่า ศพของเคลวินถูกบรรจุลงโลงศพที่เปิดฝาไว้และตั้งอยู่กลางบ้าน แต่ในวันต่อมาราว 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาประกอบพิธีศพ จู่ๆ เด็กชายรายนี้ก็ลุกขึ้นนั่งและถามว่า “พ่อครับ ขอน้ำดื่มหน่อย” ทำเอาชาวบ้านและสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในบ้านพากันแตกตื่นไปหมด
       
       “ทุกคนเริ่มกรีดร้อง” อันโตนิโอ ซานโตส บิดาของเด็กชายเคลวินบอกกับเดลิเมล์ “เราแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย จากนั้น
พอได้สติเราก็คิดว่าสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว ลูกของเรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
  เคราะห์ร้ายที่ปาฏิหาริย์ของครอบครัวนี้มีระยะเวลาเพียงน้อยนิด “จากนั้นเคลวินก็ค่อยๆ นอนลงไปตามเดิม เราพยายามปลุกเขาแต่เขาไม่ตื่น ดูเหมือนวาเขาจะตายอีกครั้ง”
       
       อันโต นิโอ รุดนำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลในทันที อย่างไรก็ตามไม่นานเป็นอีกครั้งที่แพทย์ก็ประกาศว่าเขาเสียชีวิตแล้ว “พวกหมอยืนยันกับผมว่าลูกชายตายแล้วจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ ถึงสิ่งที่เราเพิ่งเห็นและได้ยินกับหูมาหมาดๆ”
       
       ศพ ของเคลวิน ถูกนำกลับบ้านและหลังจากเฝ้ารอพักหนึ่งด้วยความหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาอีก ท้ายที่สุดแล้วทางครอบครัวก็ต้องตัดใจและประกอบพิธีศพของเด็กชายรายนี้ ขณะที่ อันโตนิโอ เชื่อว่าเคลวินอาจฟื้นคืนชีพกลับมาจริงๆ หากโรงพยาบาลมีความตั้งใจที่จะให้ความช่วยเหลือมากกว่านี้
       
       “15 นาทีหลังจากความพยายามกู้ชีพ พวกเขาเดินออกมาและบอกกับผมว่าเคลวินตายแล้วและส่งมอบศพลูกชายให้ผม บางทีพวกเขาอาจไม่ได้ตรวจอย่างถูกต้อง คนตายที่ไหนจะลุกขึ้นและพูดได้ ผมตั้งใจที่จะค้นหาความจริง” ซานโตสกล่าว

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นักวิทยาศาสตร์โพสต์ภาพสัตว์ประหลาดตาโปนขนฟู

นักวิทยาศาสตร์โพสต์ภาพสัตว์ประหลาดตาโปนขนฟู 

 

นักวิทยาศาสตร์โพสต์ภาพสัตว์ประหลาดตาโปนขนฟู
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (24 ส.ค.) ดอกเตอร์อาร์เธอร์ อันเคอร์ นักวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์ภาพลงบนเว็บไซต์ Flickr โดยมีคำบรรยายใต้ภาพว่า "มอสพุดเดิ้ล(Poodle Moth)" ซึ่ง แสดงให้เห็นภาพสัตว์ประหลาดมีดวงตาปูดโปนและมีขนฟูปกคลุมร่างกาย ซึ่งในเวลาต่อมาก็ทราบว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้คือตัวมอสที่มีอยู่จริงตามธรรมชาติในเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นสถานที่ที่คอดเตอร์อาร์เธอร์ใช้กล้องบันทึกภาพไว้ได้
ทั้งนี้ ชาวโลกออนไลน์ที่เห็นภาพดังกล่าว ต่างตะลึงเมื่อเห็นภาพ บ้างก็คิดว่ามันออกมาจากภาพยนตร์เรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ ขณะที่อีกคนชมว่ามันน่ารักและอยากได้สักตัว

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

UFO โผล่เกาหลีใต้ ความยาวรอบยาน 1 กิโลเมตร 26 กรกฎาคม 2012

UFO โผล่เกาหลีใต้ ความยาวรอบยาน 1 กิโลเมตร 26 กรกฎาคม 2012



วัตถุลึกลับบินด้วยความเร็วสูงเหนือน่านฟ้าเกาหลีใต้
หลายหน่วยงานคาดว่า อาจเป็นยานสอดแนม หรือขีปนาวุธจากทางเกาหลีเหนือ

คลิป UFO จากเกาหลีใต้ เมื่อวันที่  26 กรกฎาคม 2012 ที่ผ่านมา
เผยโฉมแก่สายตาชาวโลกประมาณ 20 นาที  หลังการวิเคราะห์ตรวจสอบโดย
เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับในเอเชีย และร่วมประสานงานหน่อยงานต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติ

ได้เปรียบเทียบกับขีปนาวุธและยานพาหนะอื่นๆจากทางเกาหลีเหนือ พบว่าไม่คล้ายคลึงกับสิ่งใด
สิ่งนี้จะน่าจะเป็น UFO (Unidentified flying object)

เมื่อเปรียบเทียบจากระดับความสูงจากพื้นโลก สิ่งนี้อาจมีความยาวรอบยานถึง 1 กิโลเมตร
และบินด้วยความเร็ว บริเวณชั้นบรรยากาศโลก ถึง 16,000 mph (ไมค์ ต่่อชั่วโมง)
หรือประมาณ 25,744 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ยานลำนี้มีลักษณะคล้าย เกือกม้า ที่เคยปรากฎโแมที่สายตาชาวมาแล้ว เมื่อปี 1950



เคดิต:http://allmysteryworld.blogspot. ... estrial-origin.html


อ้างอิง : http://www.thetruthbehindthescen ... y-official-sources/

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตำนาน Predator : เกียรติยศศักดิ์ศรี-จรรยาบรรณ-ชนชั้นนักล่า

เมื่อ พิจารณารูปแบบการล่าของพรีเดเตอร์โดยภาพรวมกว้างๆแล้ว ไม่ว่าจากฉบับภาพยนตร์หรือในฉบับการ์ตูนคอมมิค ถ้าไม่นับการล่าฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร(ซึ่งมักเป็นสัตว์เล็กๆ) เราจะเห็นได้ว่าเหยื่อส่วนใหญ่ที่พรีเดเตอร์ไล่ล่านั้นมักเป็นสิ่งมีชีวิต ที่แข็งแกร่ง ดุร้าย ถ้าเป็นมนุษย์ก็ ต้องเป็นผู้ที่มีการฝึกฝนในการต่อสู้มาเป็นอย่างดี เช่น ทหาร ตำรวจ นักรบ หรือคนที่มีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง เช่น นักกีฬา หรือไม่ก็เป็นพวกพกอาวุธร้ายแรง อาทิ พวกโจร พวกแก๊งนักเลงอันธพาลกร่างๆ เป็นต้น พวกมันจะไม่ล่าผู้ที่ประเมินแล้วว่าอ่อนแอไร้ทางสู้อย่างสิ้นเชิง อาทิ เด็ก คนป่วย คนชรา และสตรีมีครรภ์ ยกเว้นกรณีไปตอแยติดตามหรือท้าทายมันมากเกินไป หรือบังเอิญเกิดโชคร้ายไปอยู่ในที่ที่เกะกะขวางทางการล่าของมัน มันอาจจะฆ่าทิ้งให้สิ้นรำคาญเอาเสียดื้อๆได้ง่ายๆเช่นกัน นี้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่โฉดเหี้ยมเลือดเย็น แต่พวกมันก็มิได้ฆ่าอย่างไม่เลือกหน้าหรือไล่ล่าอย่างเลื่อนลอยไร้หลักการ เสียทีเดียวถือว่ายังมีจรรยาบรรณอยู่บ้างพอสมควร ข้อนี้ต่างจากเอเลี่ยนซึ่ง เจอใครก็เป็นอันฆ่าเหี้ยน! พรีเดเตอร์ยังมีข้อปฏิบัติที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เมื่อมันฆ่าเหยื่อได้แล้ว โดยเฉพาะเหยื่อประเภทเดินตัวตรงสองขาอย่างมนุษย์ มันจะทำการถลกหนังแล้วนำไปแขวนบนที่สูงอย่างบนต้นไม้ เสา เพดาน ฯลฯ ในลักษณะห้อยหัวบนลงมา!





และพวกพรีเดเตอร์อาจตัดศรีษะเหยื่อเพื่อเอากะโหลกไปเป็นของสะสม อันเป็นการแสดงถึงเกียรติภูมิของตนให้พวกพ้องได้ประจักษ์ ยิ่งเหยื่อดุร้ายแข็งแกร่งมากเท่าไร เกียรติยศศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจก็ยิ่งเพิ่มมากตามไปด้วยเท่านั้น แต่ในกรณีที่พรีเดเตอร์เกิดพลาดท่าบาดเจ็บสาหัส มันอาจจะใช้ไม้เด็ดขั้นสุดท้ายนั้นคือการใช้เครื่องมือพิเศษทำการระเบิดตัวตายใส่คู่ต่อสู้ให้ตายตกไปด้วยกัน หรือ ฆ่าตัวตายล้างอายเสียดื้อๆก็มี


ประเภทและชนชั้นทางสังคมของย้วดจา

การจัดแบ่งประเภทของพรีเดเตอร์ต่อไปนี้ไม่ใช่การแบ่งชาติพันธุ์หรือเชื้อสาย แต่เป็นการจัดกลุ่มกว้างๆให้เห็นภาพรวมทางชนชั้นในเชิงสังคมพรีเดเตอร์เท่า นั้น ไม่ใช่หลักเกณฑ์ตายตัวและก็ไม่ได้หมายความว่าสังคมพรีเดเตอร์จะสามารถแบ่ง เป็นจำพวกต่างๆได้แต่เพียงเท่านี้ เช่นเดียวกับสังคมมนุษย์ที่มีคนร้อยแปดจำพวก

  

- 1. Non Hunters หรือ กลุ่มที่ไม่ใช่นักล่า ถึงในสังคมของย้วดจาส่วนใหญ่จะนิยมการไล่ล่า แต่ก็ใช่ว่าทุกตัวที่ชื่นชอบเกมส์การล่าอย่างที่พรีเดเตอร์ส่วนใหญ่นิยมกัน เผ่าพรีเดเตอร์จึงถูกแบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน คือพวกล่าและพวกไม่ล่า พวกไม่ล่าหรือ Non Hunters นี้จะออกล่าบ้างเฉพาะสัตว์เล็กๆมากินเป็นอาหารเท่านั้น ถึงออกท่องเดี่ยวต่างดาวอาจล่าเล่นบ้างแต่ไม่จริงจัง จะต่อสู้รุนแรงก็เพียงป้องกันตัวเท่านั้น จะมีใจเทไปทางโอบอ้อมอารีสมานฉันท์อีกต่างหาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนี้ไม่มีฝีมือเอาเสียเลย บางตัวคมในฝักฝึกฝนทักษะการต่อสู้เช่นกันแต่เพียงเพื่อไว้ป้องกันตัว จัดเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกเหยียดหยามมองว่าไร้ค่าและมีฐานะการยอมรับทางสังคม ค่อนข้างต่ำ จึงมักเป็นขัดหูขัดตาพวกที่เป็นนักล่าบางกลุ่ม จนเกิดเรื่องเป็นประเด็นสงครามระหว่างกลุ่มล่ากับกลุ่มไม่ล่า ก็มีบ้างบางโอกาส แต่ถึงกระนั้น Non Hunters ก็ยังไม่ใช่กลุ่มที่สังคมรังเกียจและได้รับการประณามที่สุดของเผ่าพันธุ์ (อ่านต่อๆไป เดี๋ยวก็รู้ว่าพวกไหน ที่สังคมรังเกียจและสะพรึงกลัว!:)



- 2. Unblooded เป็นย้วดจารุ่นเยาว์ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการล่าและการใช้อาวุธต่างๆมาบ้าง แล้ว และเตรียมเข้าสู่พิธีบรรลุนิติภาวะ โดยพวกเขาจะต้องผ่านการล่า-ฆ่าฝูงเอเลี่ยนตัวจริงๆและรอดชีวิตมาได้ครั้ง หนึ่งก่อน จึงจะได้รับการยกย่องเป็นพวก Blooded ในขั้นต่อไปอย่างเต็มตัว



- 3. Blooded เมื่อผ่านการทดสอบบรรลุนิติภาวะมาแล้ว ย้วดจาตนนั้นจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและเต็มภาคภูมิ และถัดจากนี้พวกมันก็จะได้เริ่มต้นชีวิต ออกผจญภัยไล่ล่าไปยังดาวต่างๆในจักรวาลต่อ ไป แก้งค์พรีเดเตอร์ในหนัง Predators(ภาค 3) จัดอยู่ในพวกนี้ ซึ่งนอกจากมีการล่าเป็นทีมแล้วยังมีการใช้สัตว์เลี้ยงออกช่วยล่าสร้างสีสัน อีกต่างหาก





- 4. Warriors ย้วดจาในกลุ่มนี้เป็นพวกนิยมความรุนแรงไล่ล่าอย่างบ้าเลือด แต่รักสันโดษ พวกเขาไม่ชอบยุ่งเกี่ยวสุงสิงกับสังคมหรือกลุ่มแคลนต่างๆ มักแยกบินเดี่ยวออกเล่นไล่ล่าแต่เพียงผู้เดียวแต่ยังมีศักดิ์ศรีประพฤติตัว อยู่ในจารีตประเพณีของสังคมย้วดจาอยู่มากทีเดียว และเมื่อเกิดสงครามกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวเผ่าอื่นๆพวกนี้อาจเข้าร่วมรบให้ ความช่วยเหลือด้วย กลุ่ม Warriors นี้มักจะมีทักษะสูงส่ง และเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีอาวุธต่างๆอย่างดีเยี่ยม(ไม่งั้นคงไม่กล้าฉาย เดี่ยว) พรีเดเตอร์ตัวที่ซัดกับอาร์โนลด์ใน Predator ภาคแรก จัดอยู่ในกลุ่มนี้



- 5. Honoured เป็นพวกย้วดจายอดฝีมือชั้นหัวกะทิ ย้วดจาในกลุ่มนี้ล้วนผ่านการล่ามานับร้อยๆครั้งมีประสบการณ์สูง  และมักอยู่ ร่วมเดินทางไล่ล่า-ติดต่อสัมพันธ์กับย้วดจาแคลนต่างๆ จะไม่แยกตัวโดดเดี่ยวอย่างพวก Warriors ยังคงมีการติดต่อประสานงานกับกลุ่มแคลนที่ตนร่วมสังกัด ส่วนฝีมือน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกันกับ Warriors หน้ากากของพวกนี้มักจะเต็มไปด้วยรอยสลักแสดงถึงการผ่านศึกการล่ามาแล้วอย่าง โชกโชน พรีเดเตอร์ตัวเขียวที่มาในหนัง AVP ภาค2 จัดอยู่ในกลุ่ม



- 6. Arbitrators ย้วดจาที่ทำหน้าป็นทั้งผู้พิพากษา เพชฌฆาต และเป็นตำรวจที่คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยต่างๆ รวมทั้งคอยคุ้มกันเป็นองครักษ์อยู่เคียงข้างย้วดจาชั้น Elders หรือ King Predator ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนักล่าฝีมือฉมังที่มาจากชั้น Honoured นั้นเอง หน้ากากและชุดของพวกมันจะดูเป็นชุดฟอร์มที่เป็นทางการ และมีตราบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นมือปราบผดุงความเรียบร้อย ภาพล่างก็คือ Arbitrator Predator ปรากฏในการ์ตูนคอมมิค ซีรี่ย์ "Bad bloods" ซึ่งลงมายังโลกเพื่อปราบพวกพรีเดเตอร์ที่นอกลู่นอกทาง



- 7. Bad bloods พรีเดเตอร์ทั่วไปที่ว่าโคตรโหดเล้ว พวกนี้ยิ่งโหดกว่า! คือ กลุ่มที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ไม่สนใจในกฎเกณฑ์และศักดิ์ศรีใดๆทั้งสิ้น มักออกไล่ล่าแบบบินเดี่ยว เป็นพวกบ้าเลือดฆ่าไม่เลือกหน้าเจอสิ่งมีชีวิตใดเป็นฆ่าเหี้ยนแหลกราน! ผู้หญิง-ลูกเล็กเด็กแดงฆ่าเรียบ! มักไปไหนมาไหนคนเดียว ฆ่าและสะสมกะโหลกแม้กระทั้งกับพวกพ้องพันธุ์ย้วดจาด้วยกันเอง แถมบางตัวยังมีฝีมือการล่าที่ร้ายกาจไม่ธรรมดาเสียด้วย เผลอๆจะร้ายกาจกว่า Arbitrators หรือ Honoured บางตัวเสียอีก พวกมันคือจุดด่างของเผ่าพันธุ์ เป็นพวกที่โดนประณาม ถูกรังเกียจอย่างที่สุด และยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเหล่า Arbitrators ที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดกับพันธุ์นอกรีตเหล่านี้

  

- 8. Elders หรือ King  คือ นักล่าในระดับสุดยอดปรมาจารย์เป็นที่เคารพ-ยกย่องอย่างสูงสุดในสังคมของ เหล่านักล่าย้วดจา เรียกว่า เป็น ไอดอลซุปเปอร์สตาร์ของเผ่าพันธุ์ก็ว่าได้ มักจะได้รับการสถาปนาให้เป็นผู้นำสูงสุดของแคลนต่างๆ แต่ละตนล้วนผ่านการล่าใหญ่ๆอย่างโชกโชนมาแล้วนับพันๆครั้ง เป็นผู้ที่มั่งคั่งไปกะโหลกเหยื่อนานาชนิด ย้วดจาพวกนี้ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะมีอายุเรียกว่ากรำศึกการล่ามาอย่างยาวนาน และมักแต่งตัวเต็มไปด้วยเครื่องประดับประดาหัวกระโหลกหรูหราโดยอาจสวมผ้า คลุมสีแดง พวก King หรือ Elders ปรากฏตัวให้เราเห็นในหนังมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกใน Predator ภาค2 และอีกครั้งใน AVP ภาคแรก




ที่มา http://www.avp.siligon.com/p_pres.htm

เชื่อหรือเปล่า ชักเย่อ เคยมีแข่งขันใน โอลิมปิก (Tug of war at Olympics)

เชื่อหรือเปล่า ชักเย่อ เคยมีแข่งขันใน โอลิมปิก (Tug of war at Olympics)




เคยเห็นแต่แข่ง ชักเย่อ ในกีฬาสี ใครจะเชื่อว่าในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ชักเย่อ มีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกถึง 5 ครั้งตั้งแต่ปี 1900 ถึง 1920 ซึ่งการแข่งขันแต่ละประเทศสามารถส่งได้หลายทีมทำให้ในปี 1904 สหรัฐสามารถกวาดเรียบทั้งสามเหรียญ ปี 1908 อังกฤษกวาดเรียบทั้งสามเหรียญ โดยอังกฤษเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬาชักเย่อ คือ ได้รับ 2 เหรียญทองในโอลิมปิกปี 1908 และ 1920

    โดยการแข่งขันปี 1900 แต่ละทีมประกอบไปด้วยนักกีฬา 6 คน(ปี 1900 สามารถให้แต่ละประเทศสามารถรวมตัวกันเป็นทีมนานาชาติเพื่อเข้าแข่งขันได้ ทำให้ทีมที่ได้เหรียญทองในครั้งนี้ประกอบไปด้วยนักกีฬาจากสวีเดน รวมตัวกับ เดนมาร์ก)
    ปี 1904 แต่ละทีมประกอบไปด้วยนักกีฬา 5 คน
    ปี 1908 , 1912 , 1920 แต่ละทีมประกอบไปด้วยนักกีฬา 8 คน


ที่มา    http://wowboom.blogspot.com/2012/08/tug-of-war-at-olympics.html

นักสำรวจงง!! อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดับ หลังเข้าใกล้วัตถุลึกลับ



MThai News: ศาสตราจารย์สเตฟาน โฮเกอร์บอร์น 1 ในทีมนักสำรวจใต้น้ำ “โอเชียน เอ็กพลอเรอร์” ที่ลงสำรวจใต้ทะเลบอลติก กล่าวว่าอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น กล้อง โทรศัพท์ส่งสัญญาณ เกิดใช้การไม่ได้ เมื่อเข้าใกล้วัตถุรูปร่างคล้าย UFO ที่ความลึก 200 เมตร แต่เมื่ออกจากจากระยะ 200 เมตร ทุกอย่างก็กลับใช้งานได้ตามปกติ

ทั้งนี้ เดนนิส แอสเบิร์ก 1 ในสมาชิกทีม กล่าวว่า เขาเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าได้พบบางสิ่งที่พิเศษมาก ไม่ว่าจะเป็น อุกกาบาต สะเก็ดดาว ภูเขาไฟ หรืบางทีมันก็อาจจะเป็น UFO

อย่างไรก็ตาม เครื่องโซนาร์จับภาพวัตถุลึกลับตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2011 โดยในขณะที่ค้นพบทีมสำรวจกล่าวว่า มันมีรูปร่างคล้าย เครื่องบินที่ถูกชนและร่อนลงจอดใต้มหาสมุทร และมีการตีความกันไปว่าอาจจะเป็นUFO เพราะมันมีรูปร่างคล้ายยานมิลเลนเนียมฟอลคอน จากภาพยนตร์เรื่อง Star War

http://news.mthai.com/world-news/173337.html

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สยอง!ด้วงหน้าเหมือนซาตาน

สยอง!ด้วงหน้าเหมือนซาตาน

 


สำหรับเจ้าด้วงหน้าตาสุดแสนจะน่ากลัวตัวนี้ มีดวงตาสีแดงชวนสยดสยองจนแทบจะเก็บเอาไปเป็นฝันร้าย แถมมันยังมีหนวดที่ดูละม้ายคล้ายกับเขาอันใหญ่ ที่ยาวถึง 4 เซนติเมตร ซึ่งก็ยาวพอๆ กับความยาวของลำตัวของมันเลยทีเดียว


ทั้งนี้ด้วงตัวดังกล่าว อยู่ในประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน และผู้ที่ชักภาพมาแบ่งปันให้คนอื่นได้กลัวกันด้วย ก็คือ โทมัส เซลาร์ วัยรุ่นชาวเช็กที่มีอายุ 19 ปี ซึ่งเจ้าตัวเปิดอกว่า ที่ตนถ่ายภาพเจ้าด้วงตัวนี้มา เพราะตอนแรกตนนึกว่ามันจะดูเท่ "มันเป็นสัตว์ที่ดูเหมือนปีศาจที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเคยเจอ ตอนถ่ายภาพนี้ผมคาดหวังว่ามันจะออกมาดูเท่ๆ แต่ผมไม่รู้เลยว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้ จนกระทั่งผมดาวน์โหลดภาพลงมานั่นแหละ"


CR:
http://www.siamdara.com/ColumnDetail.asp?cid=13068

ตะลึง!!! ค้นพบ นิ้วมือขนาดยักษ์ ยาว 38 เซนติเมตร

ตะลึง!!! ค้นพบ นิ้วมือขนาดยักษ์ ยาว 38 เซนติเมตร


นิ้วมือขนาดยักษ์ ยาว 38 เซนติเมตร

เวปไซต์ต่างประเทศ ภาษาเยอรมัน  http://www.bild.de เผยแเพร่ภาพซากชิ้นส่วน
ลักษณะคล้ายนิ้วขนาดยักษ์ มีความยาวถึง 13.8 นิ้ว หรือ 38 เซนติเมตร ซึ่งมีสภาพกลายเป็นมัมมี่



ซึ่งมีการค้นพบ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 ในอียิปต์ดินแดนปริศนาปิรามิดและฟาโรห์
โดยชายชราผู้ที่ค้นพบ กล่าวว่า เขาได้ลักลอบเข้าไปขุดหลุมฝังศพ ห่างจากกรุงไคโร 100 กิโลเมตรตะวันออกเฉียงเหนือ และเขาได้เก็บไว้เป็นสมบัติของครอบครัวตลอดมา

ในปี 1988 Gregor Spörri นักสำรวจปิรามิด ได้รับติดต่อจากชายชราดังกล่าว
เขาอนุญาติให้ชมและถ่ายรูปได้



Gregor Spörri กล่าว่า ครั้งที่ผมเห็นมัน ถูกห่อเป็นรูปสี่เหลี่ยม ด้วยผ้าขาวและค่อนข้างเหม็นอับ
ผมถึงกับอึ้งและ งุนงงไปหมด





โดยคาดการว่า นิ้วที่ยาว 38 cm หรือ 13.8 นิ้ว  เจ้าของนิ้วชิ้นนี้ อาจมีความสูงประมาณ 20.7 ฟุตหรือ 6.3 เมตร

ชายดั่งกล่าว ได้นำหลักฐานภาพ X-ray  และใบรับรองความถูกต้อง ว่าเป็นของจริง




เครดิต:http://allmysteryworld.blogspot. ... .html#ixzz1osNwh1Nd

นาซ่าพบ กาแล็กซี่ อายุ 6,000 ล้านปี ผลิตดวงดาวได้จำนวนมาก

นาซ่าพบ กาแล็กซี่ อายุ 6,000 ล้านปี ผลิตดวงดาวได้จำนวนมาก



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักดาราศาสตร์ของ องค์การนาซา ใช้กล้องโทรทัศน์”จันทรา” ส่องพบกาแล็กซี่ ซึ่งผลิตดวงดาวได้มากถึง 740 ดวงในรอบปี ซึ่งมากกว่ากาแล็กซี่ทางช้างเผือกของโลก ที่สามารถสร้างดวงดาวได้ 1 ดวงต่อ 1 ปี



ทั้งนี้ นักดาราศาสตร์เรียกกาแล็กซี่นี้ว่า”ซูเปอร์มัม คอสมิค” อยู่ห่างจากโลกราว 5.7 พันล้านปีแสง มันมีแสงสว่างมากกว่าที่เคยพบมา

นอกจากนี้้ นักดาราศาสตร์ยังระบุว่า กาแล็กซี่นี้แปลกไป จากกาแล็กซี่อื่นที่เคยพบมาคือ มีอายุกว่า 6 พันล้านปี ซึ่งปกติแล้วกาแล๊กซี่ที่มีขนาด ลักษณะและอายุเท่านี้ จะไม่สามารถผลิตดวงดาวได้มากขนาดนี้




เครดิต:http://allmysteryworld.blogspot. ... 0.html#.UC5Xm6nN-Zk

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พบปลาประหลาด!! โผล่กลางสระน้ำโบราณ ชาวโคราชกว่า 2 พันคนแตกตื่นแห่ดู

พบปลาประหลาด!! โผล่กลางสระน้ำโบราณ ชาวโคราชกว่า 2 พันคนแตกตื่นแห่ดู 

พบปลาประหลาด!! โผล่กลางสระน้ำโบราณ ชาวโคราชกว่า 2 พันคนแตกตื่นแห่ดู
พบปลาประหลาด!! โผล่กลางสระน้ำโบราณ ชาวโคราชกว่า 2 พันคนแตกตื่นแห่ดู
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ชาวบ้านกว่า 2,000 คน แตกตื่นแห่ดูปลาประหลาดความยาวประมาณ 1 เมตร ลำตัวมีสีลายดำ-ขาว-เขียว-เหลือง ที่อยู่ในสระน้ำสาธารณะบ้านหนองเสา หมู่ที่ 7 ต.โคกกลาง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา โดยสระน้ำ
นี้มีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ชาวบ้านที่พบเห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นปลาแต่ไม่รู้ว่าปลาอะไร แต่ส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็นพญานาค สอบถามนายทวีทรัพย์ จอดนอก อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 7 ต.โคกกลาง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ผู้ใหญ่บ้านหนองเสา เล่าว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเยาวชนในหมู่บ้านได้มาออกกำลังกายบริเวณลานกีฬาข้างสระน้ำดังกล่าวปรากฏ ว่าได้เหลือบไปเห็นปลาลักษณะประหลาด จะว่างูก็ไม่ใช่ ว่ายลอยอยู่เหนือน้ำจึงเรียกชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมาดู ชาวบ้านที่พบเห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นพญานาค เพราะถ้าเป็นปลาก็ไม่รู้ว่าปลาอะไร ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน
นายทวีทรัพย์ เล่าต่อว่าสระน้ำนี้เป็นสระน้ำโบราณ ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เพราะเกิดมาก็เห็นแล้ว โดยในสมัยก่อนคนโบราณก่อนที่จะนำเสาไปสร้างบ้าน ก็จะนำมาแช่น้ำในสระนี้เอาไว้ก่อนเพื่อป้องกันมอดเจาะจึงเป็นที่มาของชื่อ หมู่บ้านหนองเสา ก่อนหน้านี้มีเด็กชายอายุประมาณ 10 ขวบอาศัยอยู่ในหมู่บ้านข้างเคียงฝันว่าจะมีพญานาคมาอยู่ในสระน้ำ แต่ไม่รู้ว่าสระไหนจนมีคนมาพบเห็นปลาประหลาดดังกล่าวในสระนี้จึงเป็นที่เล่า ลือกันไปทั่วใน อ.ประทาย และอำเภอใกล้เคียง ก่อนที่ตนจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านเคยมาบนบานที่ศาลพ่อใหญ่ไฮว่า ถ้าได้เป็นผู้ใหญ่บ้านจะมาพัฒนาศาลและสระหนองเสาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
นายทวีทรัพย์ กล่าวว่า พอตนได้รับตำแหน่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วตนก็สร้างศาลพ่อใหญ่ไฮให้ใหม่ และได้ทำการสูบน้ำออก เพื่อขุดลอกสระใหม่ แต่น้ำก็ไม่แห้ง ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านบอกว่ามีตาน้ำอยู่ จึงได้ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ สระแทน หลังจากมีข่าวการพบพญานาคในสระแห่งนี้ทำให้มีชาวบ้านจากทั่วสารทิศเดินทางมา ดูจำนวนมาก ซึ่งทุกคนก็ไม่ผิดหวังเพราะทุก 10 – 15 นาที ปลาประหลาดหรือที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพญานาคนั้น ก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะๆ เสร็จแล้วก็จะมาไหว้ที่ศาลพ่อใหญ่ไฮที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของสระ
ที่มา มติชนออนไลน์

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แตกตื่น! “ไข่เป็ดเลข2” แห่ตีเลขเด็ดแทงหวย


แตกตื่น! “ไข่เป็ดเลข2” แห่ตีเลขเด็ดแทงหวย


แตกตื่น! “ไข่เป็ดเลข2” แห่ตีเลขเด็ดแทงหวย
แตกตื่น! “ไข่เป็ดเลข2” แห่ตีเลขเด็ดแทงหวย

ชาวพะเยาแตกตื่น "ไข่เป็ดเลข2" คนแห่ขอดูตีเป็นเลขเด็ดแทงหวย เจ้าของลั่นไม่ขายเชื่อเป็นไข่นำโชค
(13 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา จำนวนมาก ได้เดินทางไปที่บ้านของนางปราณี สีไม้ อายุ 43 ปี รองนายกเทศมนตรีตำบล(ทต.)เวียงลอ ลขที่ 25 หมู่ 11 ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา หลังทราบข่าวมีไข่เป็ดที่เปลือกด้านหนึ่งมีลักษณะคล้ายเลขสอง และเลขเจ็ด
นางปราณี กล่าวว่า ที่บ้านตนเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งไว้จำนวน 22 ตัว เป็ดตัวเมีย 19 ตัว และเป็ดตัวผู้ 3 ตัว เลี้ยงมานานกว่า 1 ปีแล้ว ทุกเช้าเป็ดไล่ทุ่งเหล่านี้จะออกไข่ไม่ต่ำกว่าวันละ 15 ฟอง โดยเมื่อเช้าวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ตื่นขึ้นมาเก็บไข่ตามปกติ แต่พบว่าไข่เป็ดใบหนึ่งเปลือกไข่สีขาวขุ่น ด้านท้ายของไข่ที่มีลักษณะยาวรี สังเกตพบว่าเปลือกไข่มีลักษณะคล้ายเลข 2 หากมองกลับหัวก็มองคล้ายเลข 7
โดยพ่อของตนไม่ยอมรับประทานหรือขายให้ใคร มีคนมาขอซื้อก็ไม่ขาย เพราะพ่อบอกว่าจะเป็นไข่นำโชค ไข่เป็ดดังกล่าวถูกนำเก็บแช่ไว้ในตู้เย็นตลอดเวลา เวลาจะนำออกมาให้เพื่อนบ้านดูก็ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะกลัวไข่จะหลุดมือตกแตก เพื่อนบ้านที่รู้ว่ามีไข่เป็ดเปลือกคล้ายเลข 2 ติดออกมาด้วย จึงพากันมาขอดูและนำไปคาดเดาเพื่อซื้อเลขเด็ดกันจำนวนมาก

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อึ้ง! พบแมงมุมอาศัยอยู่ในหูมาแล้ว5วัน

อึ้ง! พบแมงมุมอาศัยอยู่ในหูมาแล้ว5วัน

 

อึ้ง! พบแมงมุมอาศัยอยู่ในหูมาแล้ว5วัน
(9 ส.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน แผนกศัลยกรรมหู คอ จมูก โรงพยาบาลกลางฉางซา มณฑลหูหนาน ประเทศจีน  พบหญิงสาวมีอาการคันในรูหู ตรวจพบแมงมุมอาศัยอยู่ในช่องหูมาแล้วกว่า 5 วัน
ตามรายงานระบุ นางสาวหลี่ มีอาการคันหูซ้าย รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอะไรอยู่ในหูของเธอ จนกระทั่งวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา นางสาวหลี่เดินทางมาโรงพยาบาลกลางฉางซา แผนกศัลยกรรมหู คอ จมูก แพทย์ตรวจพบว่าในช่องหูของเธอนั้นมีแมงมุมซึ่งยังมีชีวิตอาศัยอยู่ ซึ่งไม่สามารถใช้เครื่องมือผ่าตัดโดยตรงได้ เพราะเกรงว่าแมงมุมจะหนีเข้าไปในช่องหู บริเวณส่วนที่ลึกกว่าเดิม
นางสาวหลี่ ได้ยินเช่นนั้น จึงเกิดอาการกระวนกระวายใจ แพทย์และพยาบาลพยายามปลอบใจ พร้อมทั้งหาวิธีการรักษาอย่างปลอดภัย โดยแพทย์ใช้น้ำเกลือหยอดเข้าในช่องหูข้างซ้าย เพื่อให้น้ำเกลือพาแมงมุมออกมาจากหูเอง ซึ่งในที่สุดก็สามารถนำแมงมุมตัวดังกล่าวออกมาได้สำเร็จ
เแมงมุมขนาดของใหญ่เกือบเท่าเหรียญ อยู่ภายในหูของนางสาวหลี่ แพทย์ระุบุว่า นางหลี่โชคดีมากที่แมงมุมเข้าไปอยู่ในหูส่วนที่ยังไม่ลึกมาก อีกทั้งนางสาวหลีไม่ได้ทำแคะหูหรือทำการใดๆ ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อหู ทำให้ช่องหูของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าใดนัก
นางสาวหลี่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่าน เธอเข้าไปตกแต่งบ้านหลังใหม่ และรู้สึกเหนื่อยล้าจึงได้งีบหลับไป เมื่อตื่นมาก็รู้สึกคันที่หูข้างซ้าย แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนที่อาการจะเริ่มเป็นที่น่ารำคาญ จนอดทนไม่ไหวอีกต่อไป